วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556


ตลาดนัดสวนจตุจักร แผนที่


ตลาดนัดสวนจตุจักร แผนที่


วิธีเดินทางไปตลาดนัดจตุจักร ก็ตามนี้เลยจ้า .. :
ลงสถานีหมอชิต N8 (สายสุขุมวิท) ใช้ทางออกที่ 1 เดินต่อไปอีก 100 เมตร
ก็จะถึงตลาดนัดจตุจักรซึ่งอยู่ทางด้านขวามือ

ตลาดนัดสวนจตุจักร


ตลาดนัดจตุจักร
หรือที่เรียกกันอย่างย่อ ๆ ว่า JJ Market ถือได้ว่าเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้   ตั้งอยู่ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร  ที่นี้เป็นเเหล่งค้าขายยอดฮิต   ศูนย์รวมของคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ ก็สนใจที่จะเดินทางมาช็อป กิน เที่ยวกันทั้งนั้น  ซึ่งตลาดนัดจตุจักรปัจจุบันมีจำนวนแผงค้าทั้งหมดมากกว่า 9,000 แผงค้าแบ่งเป็น 27 โครงการ มีสินค้า 8 ประเภท ได้แก่
1. ผักและผลไม้
2. เสื้อผ้า
3. สัตว์เลี้ยง
4. ต้นไม้
5. อาหารปรุง
6. อาหารสำเร็จรูป
7. อาหารสด
8. เบ็ดเตล็ด

ตลาดนัดสวนจตุจักรเปิดวันไหนบ้าง
ทุกวันเสาร์ -อาทิตย์ (สำหรับตลาดทั่วไป)

ตลาดนัดสวนจตุจักร เปิดกี่โมง
เปิดเวลา 8 โมงเช้า ถึง 3 ทุ่ม

ตลาดนัดสวนจตุจักร ปิดกี่โมง
ปิดเวลา 3 ทุ่ม
หอ ตลาดนัดสวนจตุจักร


 ที่ทำการ ตลาดนัดสวนจตุจักร


ภาพ ตลาดนัดสวนจตุจักร


wifi  ตลาดนัดสวนจตุจักร

มีบริการอินเตอร์เน็ตไร้สายด้วย
มีห้องพยาบาลของกองอำนวยการ


ห้องพยาบาล  ตลาดนัดสวนจตุจักร


ภายในตลาดนัดจตุจักร จะมีสัญลักษณ์ คือ หอนาฬิกา ที่ตั้งตระหง่าน ซึ่งถือว่าเป็นจุดนัดพบและสัญลักษณ์ของตลาดนัดจตุจักร ที่ถูกขนานนามว่าเป็น...ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

นอกจากนั้นตลาดนัดจตุจักร ยังมีสินค้ามากมาย ให้คุณได้เดินเที่ยวช๊อป กิน ได้อย่างเพลินๆ มีสินค้ามากมาย หลากหลายไอเดีย ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน เสื้อผ้าเครื่องเเต่งกายเเฟชั่นทันสมัย รวมไปถึงของเก่า หรือของสะสมต่างๆ เช่น หนังสือเก่า ของเก่าหายาก เป็นต้น  นอกจากนั้นก็ยังมีสินค้าประเภทงานฝีมือหัตกรรม เซรามิกเบญจรงค์  สัตว์เลี้ยงและอุปกรณ์สำหรับสัตว์ ต้นไม้และอุปกรณ์จัดสวน ของแต่งบ้าน งานศิลปะ และสินค้าเบ็ดเตล็ดทั่วไป

ไอติมกะทิ  ตลาดนัดสวนจตุจักร


เดินกันเหนื่อยๆ ก็หาอะไรเย็นๆ หามุมสบาย นั่งเล่น หรือรับประทานของว่าง
จากรูปก็เป็น เจ้าไอติมกะทิ ถ้วยมะพร้าวก็อร่อย หายเหนื่อยกันเลย ...

ทิป : ควรเลือกเดินทางไปช่วงสายๆ กลังบ่ายสี่โมงเย็นกำลังดี เพราะแดดไม่ร้อน (กรณีที่ต้องการไปหาอะไรกิน)


กิน  ตลาดนัดสวนจตุจักร

 ตลาดนัดสวนจตุจักร



ตลาดนัดจตุจักร.....มีอายุมากกว่า 60 ปีแล้ว เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีรัฐบาลมีนโยบายให้จัดตั้งตลาดนัดขึ้นในทุกจังหวัด สำหรับกรุงเทพนั้นได้เลือกสนามหลวงเป็นสถานที่จัดตลาดนัดเป็นสถานที่เเรก แต่หลังจากนั้นก็มีการย้ายมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาต่อมาการรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้มอบที่ดินย่านพหลโยธินตอนต่อจากสวนจตุจักรด้านทิศใต้ให้แก่ กรุงเทพมหานครเพื่อใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์ และกรุงเทพมหานครได้ปรับพื้นที่เพื่อให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยและขณะเดียวกันก็พยายามย้ายผู้ค้าจากสนามหลวงมาด้วย จนกระทั่งดำเนินการสำเร็จ เมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยใช้ชื่อว่าตลาดนัดย่านพหลโยธิน ต่อมาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ตลาดนัดจตุจักร” ให้สอดคล้องกับสวนสาธารณะจตุจักรในบริเวณใกล้เคียง ...เเละนี่ก็คือความเป็นมาของตลาดนัดจตุจักรนั่นเอง


ใครที่ยังไม่เคยไปก็ต้องหาโอกาสไปกันให้ได้น่ะ  แล้วคุณจะได้สัมผัสกับแหล่งค้าขายยอดฮิตภายใน JJ Market และที่สำคัญราคาของสินค้าที่ตลาดนัดจตุจักร ยังสามารถต่อรองราคากันได้  คงโดนใจนักช๊อปกันถ้วนหน้า....




Altman Luggage - ร้านขายกระเป๋าชื่อดัง


        อาจจะสงสัยกันใช่มั้ยว่าร้านนี้เค้าดังมากเลยเหรอ บอกได้เลยว่าไม่ดังถึงขนาดไปแล้วต้องไปซื้อให้ได้อะไรประมาณนั้น แต่สำหรับชาวนิวยอร์ก เป็นที่รู้จักกันดีกันในเรื่องเป็นร้านเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงเรื่องกระเป๋าเดินทาง โดยร้านนี้จะมีกระเป๋าเดินทางที่มากมายล้วนแล้วแต่มียี้ห้อที่คุ้นหูเราทั้งนั้น ถ้าไม่เชื่อลองสุ่มถามคนที่นิวยอร์กสิว่าอยากได้กระเป๋าเดินทางสักใบซื้อที่ไหนดี เชื่อเลยว่าเค้าจะแนะนำให้ไปซื้อที่ร้านนี้ 

Altman Luggage - ร้านขายกระเป๋าชื่อดัง

        ร้าน Altman Luggage มีชื่อมากในเรื่องราคาเพราะราคาสินค้านั้นจะถูกกว่าที่อื่น แถมสินค้าภายในร้านนั้นมีมากมาย เพราะแค่กระเป๋าก็มีหลายรูปแบบหลายยี่ห้อแล้ว และไม่ได้มีแต่กระเป๋าสำหรับนักท่องเที่ยวนะยังมีกระเป๋าแบบอื่น ๆ อีก นอกจากนั้นยังมี นาฬิกา ปากกา แล้วของอื่น ๆ ที่เหมาะกับนักเดินทางขายอีกมากมาย อีกอย่างที่เรียกว่าเป็นจุดขายของร้านนี้คือของมีปัญหาสามารถนำมาเปลี่ยนของใหม่ได้เลยแต่ต้องมีใบเสร็จนะ ไงล่ะอยากไปแล้วล่ะสิ

กระเป๋าราคาถูกคุณภาพดีของร้าน Altman Luggage

        ใครที่สนใจอยากไปลองหาซื้อกระเป๋าสักใบล่ะก็ร้านก็อยู่ที่ 135 Orchard St (Cross Street: Delancey & Rivington Streets.) New York ร้านอาจจะไม่ใหญ่นัก แต่ป้ายชื่อร้านนะสักเกตง่ายเลยล่ะ แต่ถ้าไปไม่ถูกล่ะก็โทรไปถามที่ร้านได้ที่เบอร์(800) 372-3377 ร้านนี้เปิดทุกวัน แต่วันอาทิตย์-วันพฤหัสนั้นจะเปิด 9.00-18.00 น. ส่วนวันศุกร์นั้นจะเปิด 9.00 - 15.00 น. เกือบลืมเรื่องสำคัญที่สุดไปร้านนี้สามารถต่อราคาได้นะ ไงล่ะราคาถูกแล้วยังต่อราคาได้อีกอย่างนี้พลาดไม่ได้แล้ว

ตลาดเครื่องสำอางเกาหลี



เครื่องสำอางค์แบรนด์เกาหลี



        สำหรับสาวนักช๊อปเมื่อไปเกาหลี สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ เครื่องสำอางค์แบรนด์เกาหลี ได้แก่ อีทูดี้ สกินฟู๊ด หรือ เดอะเฟสช็อป นั่นเองค่ะ แหม..จะไม่ให้อดใจไหวได้ยังไงคะ ก็ราคาของเครื่องสำอางค์เหล่านี้อยู่ราวๆหนึ่งในสามของราคาที่ขายบ้านเรา ราคาแบบคร่าวๆ ลิปสติกของอีทูดี้ประมาณ 170 บาท ที่บ้านเราขายอยู่ 795 บาทค่ะ 0_o โอ้ววถูกอะไรจะขนาดน๊านน แถมถ้าไปกะทัวร์และซื้อเยอะ เค้าก็จะมีของแถมให้อีกเพียบบบเรยค่ะ เอาเป็นว่าขาไป เข้าไปแบบตัวเบาๆ พอขาออกมาถือกันคนละถุง สองถุงใหญ่ๆกันเลยทีเดียว

        แหล่งของร้านเหล่านี้ก็จะอยู่ที่เมียงดง ซึ่งก็จะมีอยู่หลายร้านมากๆนะคะ อันนี้ก็แล้วแต่ไกด์ว่าจะพาไปร้านไหน ส่วนใหญ่ไกด์ก็จะพาไปร้านที่เค้ารู้จักกันและให้ของแถมเยอะๆนั่นเองค่ะ ชักตื่นเต้นอยากช๊อปซะแล้วสิ งั้นเราไปชมบรรยากาศของร้านกันดีกว่าค่ะ


ภาพหน้าร้าน Etude House


ร้าน Etude House



หน้าร้าน Etude House อีกซักภาพ  มีพนักงานสาวชาวเกาหลีมาพรีเซนต์สินค้าด้วยค่ะ  >_<


หน้าร้าน Etude House



หน้าร้าน Etude House ในยามค่ำคืนบ้างค่ะ แหมๆ โรแมนติกไปอีกแบบนะคะ ^_^


Etude House ในยามค่ำคืน



เข้ามาดูภาพภายในร้าน Etude House กันบ้างค่ะ สินค้าของเค้าทุกชิ้นจะดีไซน์ออกแนวหวานๆเก๋ๆ สไตล์สาวเกาหลีค่ะ

ภายในร้าน Etude House



ในร้าน Etude House มีมุมสำหรับถ่ายรูปด้วยนะคะ *_*
มุมสำหรับถ่ายรูปในร้าน Etude House



มาดูภาพหน้าร้าน Skin Food กันบ้างดีกว่า
ร้าน Skin Food


ภาพซ้ายมือเป็นร้าน The Face Shop  ค่ะ  ส่วนภาพด้านขวาจะเป็นสินค้าภายในร้าน Skin Food


ร้าน The Face Shop และภายในร้าน Skin Food

ตลาดทงแกมุน (เกาหลี)


ตลาดทงแดมุน ( Dongdaemun Market )


        อีกหนึ่งแหล่งช้อปที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งสำหรับเกาหลี เพื่อน ๆ หลายคนที่คิดจะไปเที่ยวอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วก็ได้ ถูกแล้วค่ะที่จะนำมาให้รู้จักกันก็คือตลาดทงแดมุนนั้นเอง



        ตลาดทงแดมุนแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณประตูเมืองโบราณทิศตะวันออก เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของกรุงโซลและยอดฮิตที่สุดที่ตลาดนี้เราสามารถซื้อข้าวของ และต่อราคาได้อย่างสนุกสนานทีเดียว (จะต่อได้มากได้น้อยอันนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถและนะค่ะ ) เพราะมีร้านค้ามากมายมีห้างขายเสื้อผ้าที่ทันสมัยในราคาขายส่งและปลีกทงแดมุนเป็นตลาดขายส่งที่ใหญ่มาก พูดไปก็เหมือนประตูน้ำบ้านเรานั้นเอง



        ตลาดทงแดมุนกลายมามีชื่อเสียงในเรื่องราคาสินค้าเสื้อผ้า ซึ่งเหมือนเสื้อผ้าในห้างแต่ราคาถูกกว่าและในปัจจุบัน ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบโบราณ บางร้านเปิด 24 ชั่วโมง และมีแสงสีและดนตรีตลอดคืน สินค้าที่มีมากที่สุดในตลาดนี้คือ ผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องหนัง ชุดสุภาพสตรีและเด็ก เครื่องนอน เครื่องใช้ในบ้าน รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ เครื่องสำอางค์ ถุงเท้า ผ้าพันคอ ของที่ระลึก เครื่องกีฬา และอื่น ๆ อีกมากมาย เอาเป็นว่าน่าจะได้ครบทั้งตัวเลยล่ะ *-*



        เพื่อน  ๆ สามารถหาซื้อของที่ต้องการได้ทั้งในตึกและริมฟุตบาทในบรรยากาศการค้าเลยนะค่ะ มาทั้งทีใช่มั้ยต้องไปให้ทั่วถูกมั้ยแต่ก็อย่าช้อปกันจนเพลินล่ะ ดูรอบข้างบ้างเพื่อน ๆ จะได้เห็นชีวิตพื้นเมืองของคนเกาหลีอย่างแท้จริง ไงล่ะค่ะ ได้ทั้งช้อปปิ้งได้ทั้งบรรยากาศคุ้มมั้ยล่ะ

Spitalfields Market (London)


จตุจักรลอนดอนสไปทอลฟิลส์ ( Spitalfields Market )

 
        เป็นตลาดในร่ม (จตุจักรลอนดอน) ตั้งอยู่ในย่าน อีสท์เอนด์ ในกรุงลอนดอน ไม่ไกลจากสถานีรถไฟลิเวอร์พูลสตรีท เป็นตลาดที่พลุกพล่านแห่งนี้เกิดขึ้นในปี 1638 เมื่อพระเจ้าชาร์ลที่ 1 ทรงอนุญาตให้มีการซื้อขายของสดได้ที่นี่ และเป็นที่รู้จักกันในสมัยนั้นว่า Spittle Fields แต่ปัจจุบันพื้นที่ของกรุงลอนดอน แห่งนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่ การออกแบบที่ทันสมัยเข้ากันได้ดีกับสถาปัตยกรมมแบบวิคตอเรียน จำหน่ายสินค้าที่หลากหลาย น่าสนใจขึ้น ทั้งเสื้อผ้า ของเก่า ของตกแต่งบ้าน ของกิน หนังสือ ดนตรี ดอกไม้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังขนาบด้วย ภัตตาคาร คาเฟ่เปรี้ยวทันสมัย ร้านรวงบูติก และอาคารสำนักงานใหม่

Spitalfields Market

        ด้วยบรรยากาศร้านค้าแบบดั้งเดิมและร้านที่ทันสมัยรวมถึงร้านบูติคที่เก๋ไก๋ ทำให้ Spitalfields (www.visitspitalfields.com) ดูมีสีสัน คุณสามารถซื้อหาเบาะรองนั่งไวนิลที่หายากไปจนถึงสมุดที่ตกแต่งและประดิษฐ์อย่างงดงามรวมถึงรถไฟของเล่นแกะสลักด้วยมือ นอกจากนั้นยังมีรองเท้าบู้ทแบบวินเทจที่ตกแต่งด้วยพลอยสำหรับผู้ที่มีรสนิยมที่แตกต่าง

        ในอดีต Spitalfields เคยเป็นที่ทอผ้าไหม และตั้งแต่ในสมัยศตวรรษที่ 18 ที่นี่เป็นแหล่งรวมเสื้อผ้าสไตล์เซ๊กซี่ ดูดี ทันสมัยและเป็นตัวของตัวเองซึ่งกำลังได้รับความนิยม มีทั้งผู้ผลิตเสื้อเชิ้ต นักออกแบบรองเท้า ชุดสูทและร้าน บูติค ถ้าเดินจนรู้สึกหิวแล้ว ตลาดนี้ยังมีร้านขายของกินอยู่หลายร้านให้ท่านได้ลิ้มลอง รับรองมีให้เลือกจนตาลายเลยทีเดียว 

ของกินใน Spitalfields Market

        ฟังดูแล้วตลาดนี้มาความน่าสนใจอยู่มากทีเดียว ถ้าใครเบื่อการเดินห้างแล้ว นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะแก่การช๊อปแบบเบากระเป๋ามากเลยดีเดียว ถ้าไม่เชื่อลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเล่นดูสิอาจจะติดใจจนต้องมาอีก

Notting Hill (London)



น็อตติ้ง ฮิลล์ ( Notting Hill )


        ได้ยินชื่อ น็อตติ้ง ฮิลล์ หลายคนอาจจะนึกถึงหนังสุดโรแมนติก ที่แสดงโดย จูเลีย โรเบิร์ต และ ฮิวจ์ แกรนท์ นับว่าเป็นหนังที่เชื่อเลยว่าแทบจะทุกคนได้เคยดู แต่ น็อตติ้ง ฮิลล์ยังเป็นย่านช๊อปปิ้งที่มีชื่อเสียงในลอนดอนเช่นกัน

น็อตติ้ง ฮิลล์ ( Notting Hill )

        แม้ฮิวจ์ แกรนท์จะแสดงนำในภาพยนต์ดังกล่าวแต่ฉากที่โดดเด่นที่สุดของ ภาพยนต์เรื่องนี้เห็นจะเป็นภาพของถนนพอร์ทเทอเบลโล ซึ่งมีตลาดที่ขายของเกือบทุกชนิดนับตั้งแต่สมุดไปจนถึงของกระจุกกระจิกเล็กๆน้อยๆ หรือจากเฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงสินค้าแฟชั่นและอาหารที่หลากหลาย ตลาดนัดจำหน่ายของเก่าในวันอาทิตย์ของที่นี่จัดเป็นตลาดของเก่าที่ใหญ่ที่สุด แห่งหนึ่งของยุโรปและจอแจไปด้วยผู้คนจำนวนมาก มีพ่อค้าแม่ค้าถึงกว่า 1,500 ราย สินค้าส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับและเครื่องเงิน นอกจากนั้นยังมีภาพวาด ขวดน้ำหอม เครื่องเคลือบและโปสเตอร์และสินค้าอื่นๆอีกมากมาย

สินค้าหลากหลายชนิด

        น็อตติ้ง ฮิลล์มีชื่อเสียงและมีผู้คนเข้าไปมากขึ้นจึงกลายเป็นศูนย์รวมแห่งการพบปะสังสรรค์ซึ่งมีทั้งคลับ บาร์และร้านสำหรับเต้นรำมากมาย ชาวแคริบเบียนที่อาศัยอยู่ที่นั่นนับว่ามีส่วนในการเกิดขบวนแห่น็อตติ้ง ฮิลล์ คาร์นิวอลซึ่งจะจัดให้มีขึ้นทุกปี หน้าร้อนนี้ งานเทศกาลและขบวนพาเหรดศิลปะจากหลากวัฒนธรรมจะเกิดขึ้น ซึ่งงานดังกล่าวมีชื่อเสียงไปทั่วโลกและดึงดูดนักท่องเที่ยวมาชมมากมาย เครื่องแต่งกายที่แนะนำสำหรับผู้เข้าชมคือเสื้อผ้าแบบแปลกใหม่

ย่าน Shopping ชื่อดัง

        น็อตติง ฮิลล์ไม่ได้เพิ่งจะได้รับความนิยมในตอนนี้ หากแต่ในช่วงศตวรรษที่ 19 ย่านนี้เคยเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชมาก่อนแต่ก็เป็นที่ที่อุดมสมบูรณ์และมีผู้คนเข้ามาอาศัยอยู่มากมาย ปัจจุบันจึงมีบ้านของบุคคลสำคัญต่างๆให้เข้าชมอาทิเลฮ์ตัน เฮาส์ และลินเลย์ แซมบอร์น เฮาส์ซึ่งน่าเข้าชมเป็นอย่างยิ่ง

สินค้าพื้นเมือง (New Zealand)




สินค้าพื้นเมืองที่ไม่ควรพลาด

        ไม่ว่าใครได้มาเที่ยวประเทศนิวซีแลนด์ก็หาหาของฝากเพื่อน คนรู้จัก หรื่อคนที่รักด้วยกันทั้งนั้น  ของฝากที่เป็นของพื้นมืองนั้น นับว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อเอ่ยถึงประเทศนิวซีแลนด์ ก็จะนึกถึงชาวเมารีแทบทุกคน

 งานไม้แกะสลักของชาวเมารี

        ไม้แกะสลักของชาวเมารี ก็เป็นอีกหนึ่งของฝาก ของสะสมที่น่าสนใจ เพราะด้วยความสวยงามของเนื้องานแล้ว ลวดลายก็ยังคงเอกลักษณ์ของชาวเมารีอยู่ด้วยเช่นกัน งานไม่แกะสลักนี้จะหาซื้อได้ทั่วไป แต่ขอแนะนำว่าซื้อที่หมู่บ้านชาวเมารีดีกว่าเพราะดูได้บรรยากาศดี คุณก็คิดเช่นนั้นใช่มั้ย

กระดูกสัตว์ที่นำมาทำสร้อยคอและเครื่องประดับ

        ถ้าหากยังอยากได้ของฝากอย่างอื่นอีกล่ะก็ กระดูกสัตว์ที่ทำเป็นสร้อยคอ หรือ เครื่องประดับอื่น ๆ ก็น่าสนใจเช่นเดียวกัน เพราะด้วยฝีมือของชาวเมารีแล้วนับว่าเป็นชิ้นงานที่สวยงามและมีความหลายหลายมากทีเดียว

หินสีเขียว ชื่อเรียกท้องถิ่นว่า  โปว์นามู  ( Pounamu )

        อีกหนึ่งอย่างที่บอกถึงความเป็นชาวเมารี คือ หินสีเขียว ( Greenstone ) หรือ หยก มีชื่อเรียกทางท้องถิ่นว่า " โปว์นามู" ( Pounamu ) ซึ้งหมายถึงหินสีเขียว เป็นหินที่มีลักษณะแข็งและทึบแสงสีเขียวเกิดจากความร้อนและความดันสูงบริเวณแนวระนาบเลื่อนแถบเทือกเขาเซาท์เทิร์นแอลปัส ต่อมาเกิดการสึกกร่อนและถูกพัดพาสู่แม่น้ำทางฝั่งตะวันตก หินสีเขียวนี้มีความสำคัญด้านจิตวิญญานเป็นอย่างมากสำหรับชาวเมารี เพราะนานมาแล้วเคยเป็นวัสดุที่แข็งแกร่งที่สุดที่ชาวเมารีรู้จัก จึงถูกนำมาใช้ทำอาวุธ เคื่องมือ และเครื่องประดับส่วนตัว ฯลฯ สามารถหาซื้อได้ที่เมืองโฮคิติก้า ( Hokitika ) และเกรย์เมาท์ ( Greymount ) ขึ้นชื่อมากเรื่องเครื่องประดับจากหยก

ไทม์สแควร์ (USA)


ไทม์สแควร์ (Times Square)


ไทม์สแควร์ ( Times Square )

        ไทม์สแควร์ (Times Square) เป็นจุดตัดสำคัญของถนนในแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก โดยเป็นจุดตัดของถนนบรอดเวย์ กับถนนเซเวนท์ เอเวนิว อีกทั้งยังเป็นจุดที่อยู่ระหว่าง ถนนเวสต์ โฟตี เซเคอนด์ สตรีท กับ ถนนเวสต์ โฟตี เซเวนท์ สตรีท ซึ่งไทม์สแควร์ทอดตัวยาวอยู่บนพื้นที่ในบล็อกระหว่างถนนซิกท์ เอเวนิว กับ ถนนเอกท์ เอเวนิว ในความยาวแนวตะวันออก - ตะวันตก และอยู่บนพื้นที่ระหว่างถนนเวสต์ โฟตีท์ สตรีท กับ ถนนเวสต์ ฟิฟท์ตี เทิร์ด สตรีท ในแนวเหนือ - ใต้ โดยไทมสแควร์เองได้กลายเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งบนฝั่งตะวันตกของย่านธุรกิจการค้าในเขตมิดทาวน์ แมนฮัตตัน

ไทม์สแควร์ ( Times Square )

        เดิมทีในอดีตไทม์สแควร์มีชื่อว่า ลองแกร์ สแควร์ โดยภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น ไทม์สแควร์ ภายหลังจากที่ได้มีการก่อสร้างตึกไทม์ (ปัจจุบัน:ตึกวันไทม์สแควร์) แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของหนังสือพิมพ์ เดอะนิวยอร์กไทมส์ ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1904 ไทม์สแควร์ได้กลายสถานะเป็นสถานที่ที่สำคัญของโลกและได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของนครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นผลมาจากที่ไทม์สแควร์เป็นสถานที่ที่ดูทันสมัย ล้ำยุค เพราะมีจอโฆษณาขนาดใหญ่มากมายติดอยู่ตามบริเวณโดยรอบ นอกจากนี้ไทม์สแควร์ ยังเป็นจุดปลายสุดทางฝั่งตะวันออกของ ลินคอล์น ไฮเวย์ หรือ ทางหลวงลินคอล์น อันเป็นทางหลวงสายแรกที่ตัดผ่านสหรัฐอเมริกา


ไทม์สแควร์ ( Times Square )

        ในปี ค.ศ. 1904 เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ เดอะนิวยอร์กไทมส์ อดอล์ฟ เอส ออชส์ ได้ย้ายสำนักงานของหนังสือพิมพ์ เดอะนิวยอร์กไทมส์ มาอยู่ที่บริเวณแห่งนี้ เขาได้ทำการชักชวนให้ จอร์จ บี แมคเคลนลัน จูเนียร์ นายกเทศมนตรีแห่งนครนิวยอร์ก ทำการก่อสร้างสถานีรถไฟใต้ดินของนครนิวยอร์กตรงบริเวณนี้ และบริเวณนี้ก็เปลี่ยนชื่อเป็น ไทม์สแควร์ ในวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 1904 และแค่สามสัปดาห์หลังจากนั้น สิ่งโฆษณาที่ใช้ไฟฟ้าอันแรกก็ถูกติดตั้งขึ้นตรงธนาคารบริเวณหัวมุมถนนโฟร์ตี ซิกซ์ สตรีท กับ ถนนบรอดเวย์

        หนังสือพิมพ์ เดอะนิวยอร์กไทมส์ ได้ขยายสำนักงานจำนวนมากมายออกไปตลอดถนนบรอดเวย์ ในปี ค.ศ. 1913 ซึ่งอาคารที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันรู้จักทั่วไปกันในนาม ตึกวันไทม์สแควร์ ที่ซึ่งเป็นที่ที่ "ลูกบอล" ตกลงมาจาก "ดาดฟ้า" ของตึกทุกๆ ปีของเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ในขณะที่มหานครนิวยอร์กยังคงเติบโตไปเรื่อยๆ ไทม์สแควร์เองก็เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกๆด้านและการเป็นจุดศูนย์กลางของวัฒนธรรมอันหลากหลายและเต็มไปด้วยโรงละคร โรงภาพยนตร์ และสถานที่จัดแสดงดนตรี ดังคำกล่าวของ เจมส์ ทรับ นักเขียนของเดอะไทม์แมกกาซีน ที่ว่า

        ไทม์สแควร์ได้กลายเป็นอาโกร่า (ภาษากรีก: หมายถึงสถานที่ที่มีการชุมนุม การค้าขายและการพบปะขนาดใหญ่ของกรีกโบราณ) ของนิวยอร์กอย่างรวดเร็ว สถานที่ที่ซึ่งรวบรวมเอาทั้งการรอคอยเทศกาลอันยิ่งใหญ่และทั้งการเฉลิมฉลองกับมันอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเวิร์ลซีรีส์หรือการเลือกตั้งว่าที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
เทพี M&M *-*

ชิจุกุ (ญี่ปุ่น)



ชินจูกุ ( Shinjuku )


สถานีรถไฟชินจูกุ เป็นสถานีที่พลุกพล่านที่สุดในโลก ซึ่งสถานีชินจูกุสภาพความเป็นจริงนั้นสับสนอลหม่านด้วยผู้คนเฉียดวันละ 3,000,000 คนยืนเบียดเสียดกัน โดยช่วงเวลาที่หนาแน่คือตอนเช้า 7:30-9:30 และตอนเย็น 17:00-18:00 

ชินจูกุเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่งของโตเกียว ไม่จำกัดว่าเป็นย่านแฟชั่น หรือย่านใดๆทั้งสิ้นเนื่องจากว่าที่ชินจูกุจะมีร้านค้าหลากหลายให้จับจ่ายครบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น เสื่อผ้า เครื่องแต่งกาย สินค้ามียี่ห้อ(แบรนด์ต่างๆ) เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้ามือสอง ร้านขายยา และยังรวมไปถึงแหล่งบันเทิงกลางคืนและร้านอาหารต่างๆด้วย 

ท่านสามารถหาซื้อสินค้านานาชนิดได้จากที่นี่ อาทิ ร้าน 100 เยน ที่สินค้าแถบทุกชิ้นภายในร้านล้วนมีราคา 100 เยนทั้งสิ้น ร้านขายเครื่องอิเลคทรอนิกส์ กล้องถ่ายรูปดิจิตอล นาฬิกา เครื่องสำอาง ยาและสินค้าอื่น ๆ 





 

Tokyo Metropolitan Government (อาคารที่ว่าการมหานครโตเกียว) 
เป็นที่ตั้งของ ที่ทำการรัฐบาลกรุงโตเกียว และเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่มีร้านค้าต่าง ๆ มากมาย ความสูงของตึก 243 เมตร บนชั้นที่ 45 สามารถขึ้นไปชมความงามของกรุงโตเกียวได้ฟรีๆ ถ้าอากาศดีๆจะเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ และ ที่ชั้น 1 จะมีศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว (Tokyo Tourist Information Center) เราสามารถเข้าไปขอเอกสารได้ เวลาเปิดปิดของตึก จะเปิดทุกวันระหว่าง 9:30-23:00 (ตึกทางทิศใต้เปิดถึง 17:30) แต่จะปิดช่วงวันหยุดยาวปีใหม่

 


Shinjuku Gyoen National Garden
สวนสาธารนะใหญ่ที่มีอายุเกือบ 100 ปี มีต้นซากุระมากถึง 1,500 ต้น มีรูปแบบการจัดสวนทั้งแบบญี่ปุ่น, แบบอังกฤษ และ แบบฝรั่งเศส ตามประวัติแต่เดิมนั้น สวนแห่งนี้เป็นสวนของจักรพรรดิและราชวงศ์มาก่อน และ ได้เปิดเป็นสวนสาธารนะเมื่อปี 1949 เปิด 9:00-16:30 ปิดวันจันทร์ ยกเว้นช่วงซากุระบานระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน และ ช่วงเทศกาลดอกเบญจมาศช่วงเดือนพฤศจิกายนจะเปิดทุกวัน ค่าเข้าชม 200 เยน



Piss Alley หรือ Shobem Yokocho 
เป็นตรอกเล็กๆ อยู่ระหว่างสถานีชินจูกุฝั่งตะวันตกกับห้าง Odakyu ในตรอกนี้จะมีร้านอาหารเล็กๆประเภทนั่งเป็นเคาน์เตอร์ประมาณไม่เกิน 10 คน อาหารจำพวก ยากิโทริ และ ราเมน



Kabukicho 
ย่านบันเทิงโลกีย์ของโตเกียว มีคลับ, บาร์, ร้านปาจิงโกะ และ โรงหนังมากมาย เหตุที่ชื่อ คาบูกิโจ เพราะว่าที่นี่เคยมีโครงการที่จะสร้างเป็นโรงละครคาบูกิ แต่โครงการก็ได้ล้มเลิกไป แต่ก็ยังคงใช้ชื่อ คาบูกิโจเหมือนเดิม ย่านนี้จะคึกคักตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป







Bic Camera 
ร้านขายกล้องดิจิตอล และ เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ มากมาย คนไทยค่อนข้างชอบไปเดินซื้อของที่นี่ ร้าน Bic Camera เป็นร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่มาก ถ้าจะเดินให้ทั่วๆน่าจะต้องใช้เวลาถึง 2-3 ชั่วโมง



yodobashi 
อันนี้อยู่ตรงข้ามกับ Bic Camera ขายเครื่องไฟฟ้าเหมือนกัน มีคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมขายด้วย



ร้าน 100 เยน ของใช้ทั่วไป ของทั้งร้านราคา 100 เยน



Mutsumoto Kiyoshi 
ร้านขายเครื่องสำอางเหมือนซุปเปอร์มาเก็ตขนาดย่อม ๆ ถ้าใน guidebook จะเรียกว่า ร้านขายยา ซึ่งมีกระจายในญีปุ่นเต็มไปหมด ส่วนใหญ่จะเน้นเครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์ของใช้ทั่วไป เช่น สบู่ แชมพู ของประทินทั้งหลาย



Isetan 
ห้างเก่าแก่ที่อยู่มานาน เป็นผู้นำของทุก ๆ ห้าง มี 2 ตึกใหญ่ แบ่งเป็นสินค้าผู้ชายและผู้หญิง ของที่ขายก็เป็นสินค้าทั่วไป เช่น เสื้อผ้า, ของใช้ในบ้าน, อุกรณ์กอล์ฟ เปิด 10:00-20:00 น.



Marui 
เป็นตึกที่แปะโลโก้ 0101 (0=มารุ, 1=อิจิ) เป็นห้างขายเสื้อผ้าแฟชั่น ตึกมารุอิแถวชินจูกุจะมีหลายตึก เช่น ชาย, หญิง (Marui City), วัยรุ่น (Marui Young), ชุดคอสเพลย์ (Marui One) จะเป็นแนวโกธิค, โลลิต้า เปิด 11:30-21:00 น.



Lumine 
ห้างแฟชั่นมีทั้งหมด 3 ตึก คือ Lumine1, Lumine2 (อยู่ทิศใต้ของสถานีชินจูกุ), Lumine Est (อยู่ทิศตะวันออกของสถานีชินจูกุ) ขายเสื้อผ้า, กระเป๋า, รองเท้า แฟชั่น เปิด 11:00-22:00 น.



Takashimaya อยู่ที่ตึก Time Square มี 14 ชั้น มีสินค้าแบรหรูๆ เช่น Louis Vuitton, Prada, Gucci, ฯลฯ มีเสื้อผ้าชาย-หญิง และมีร้าน DIY (Do it by yourself) ที่ชั้น 8 เปิด 10:00-20:00 น.



Kinokuniya
 
เป็นร้าหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และ ที่ชินจูกุก็เป็นสาขาใหญ่และเป็นสำนักงานใหญ่ด้วย เป็นร้านที่รวมหนังสือภาษาต่างประเทศที่ใหญ่มาก เปิด 10:00-20:00 น.